หนังสือเล่มนี้ขายแล้ว
สำนักพิมพ์ | : | ดอกหญ้า |
ผู้แต่ง | : | วิลาศ มณีวัต |
ประเภทหนังสือ | : | วรรณกรรม เรื่องสั้น |
จำนวนหน้า | : | 319 หน้า |
ราคาขาย | : | - บาท |
ปกหลัง
ในโลกแห่งจิตใจใบเล็กๆ นี้ เรื่องราวชีวิตมากมาย ซึ่งทำให้เราหวั่นไหว สับสน และทุกข์กังวล
"สายลม-แสงแดด" จะบอกคุณถึงความสุข จากสิ่งเรียบง่ายใกล้ตัว คุณค่าที่ไม่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนด้วยเงินตรา เพียงแต่คุณจะแบ่งปันจิตใจ มาชื่นชมบ้าง...เช่นเดียวกับ สายลม และแสงแดดสีทอง ที่มีให้คุณสัมผัสอยู่ทุกๆ วัน เพียงแค่..คุณต้องการ
คำนำสำนักพิมพ์
ห้องสมุดประชาชนที่สวนลุมพินีมีนักอ่านขาประจำอยู่มากพอใช้ บ่ายแก่ๆ วันหนึ่งเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ผู้บริหารคนหนึ่งของสำนักพิมพ์ดอกหญ้า บังเอิญไปติดฝนอยู่ในนั้น จึงได้มีโอกาสคุยกับเจ้าหน้าที่ประจำห้องสมุด และเมื่อลองซักถามดูว่าระหว่างนี้สารคดีเรื่องไหนมีคนยืมอ่านมากที่สุด ก็ได้ทราบว่า อันดับแรกได้แก่ "กฎแห่งกรรม" ของ ท.เลียงพิบูลย์ ตามติดมาเป็นอันดับสอง คือ สายลม-แสงแดด ของ วิลาศ มณีวัต
เจ้าหน้าที่ของห้องสมุดแห่งนั้นได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สำหรับ "กฎแห่งกรรม" ของ ท.เลียงพิบูลย์ นั้น ทางห้องสมุดมีอยู่ 10 เล่ม จึงสมารถหมุนเวียนให้สมาชิกยืมได้โดยสะดวก แต่สำหรับ "สายลม-แสงแด" นั้น มีอยู่เพียงเล่มเดียว เวลานี้ก็ขาดชำรุดมากแล้ว ได้เคยพยายามซ่อมไปแล้วสองครั้ง จนบัดนี้สภาพชำรุดมากจนซ่อมไม่ได้อีกแล้ว เคยไปหาในท้องตลาด ก็ได้ความว่าขาดตลาดไปสองปีแล้วและเป็นหนังสือที่ค่อนข้างหายาก
หลังจากนั้นอีกราวหนึ่งสัปดาห์ เจ้าหน้าที่ของสำนักพิมพ์นี้อีกคนหนึ่ง ได้ไปลอกคัดต้นฉบับหนังสือเก่าที่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ประสานมิตร) ก็ไปพบว่า ได้มีนักศึกษาเข้ามาถามว่า "สายลม-แสงแดด มีคนเอามาส่งคืนหรือยัง? ผมเข้าคิวรออยู่สองเดือนแล้วนะ.." ก็เลยได้คุยกับบรรณารักษ์เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ ซึ่งบรรณารักษ์ที่นั้นยอมรับว่า เป็นหนังสือที่นักศึกษาแวะเวียนมาถามหาบ่อยที่สุดเล่มหนึ่ง
เมื่อได้ข้อมูลมาเช่นนี้ ทางสำนักพิมพ์จึงได้ติดต่อกับผู้แต่ง เพื่อจะได้พิมพ์ใหม่ออกสู่ตลาดหนังสือ
"สายลม-แสงแดด" ของ วิลาศ มณีวัต เป็นหนังสือที่มีประวัติน่าสนใจ โดยได้เริ่มต้นก่อตัวขึ้นในลักษณะของคอลัมน์ประจำวันในหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ "นิกรวันอาทิยต์" ภายใต้การอำนวยการของสุภา ศิริมานนท์ บรรณาธิการใหญ่ ซึ่งได้เป็นผู้กำหนดชื่อคอลัมน์นี้และกำหนดตัวคนเขียนด้วย คนเขียนเดิมนั้นหาใช่วิลาศ มณีวัดไม่ แต่เป็นนักเขียนคนอื่น ซึ่งเมื่อเขียนไปได้เพียงสามชิ้นก็ขอคืนกลับมาให้ สุภา ศิริมานนท์ อยากจะปั้นนักเขียนใหม่ขึ้นมาสักคน จึงได้มอบหมายให้ วิลาศ มณีวัต ซึ่งขณะนั้น (พ.ศ. 2487) ยังกำลังเรียนอยู่ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลองเขียนดูภายใต้นามปากกา "นภาพร" ซึ่งมีความหมายเกี่ยวกับท้องฟ้า โดยผู้แต่งเห็นว่า "สายลม-แสงแด" นั้น ชวนให้นึกต่อไปถึงท้องฟ้า คนเขียนจึงน่าจะมีชื่อเสียงเรียงนามให้เกี่ยวไปถึงท้องฟ้า จึงจะรับกันสนิท
ในแง่ของนักวิชาการ แสงแดดนอกจากจะเป็นแหล่งกำเนิดพลังงานความร้อน แสงสว่างที่ใหญ่ที่สุดแล้ว ยังมีประโยชน์อเนกอนันต์ในการฆ่าเชื้อโรค ช่วยให้ร่างการสร้างวิตามินดี ทำให้กระดูกแข็ง ป้องกันโรคกระดูกอ่อน และช่วยรักษาโรคผิวหนังบางชนิดได้ ส่วนสายลมนั้นเป็นสิ่งผ่อนคลายความร้อนและสร้างความชุ่มเย็นได้อย่างวิเศษ ในทางวรรณศิลป์ คำว่า "สายลม-แสงแดด" บัดนี้ได้กลายเป็นชื่อแนวการเขียนที่ให้ความชุ่มเย็นแก่ผู้อ่าน และ "ทำให้กระดูกแข็ง" ด้วย คือแข็งแกร่งพร้อมที่จะเผชิญชีวิตต่อไป เพราะตามประวัติคอลัมน์นี้ได้ปลุกปลอบใจคนอ่านมาตลอดระยะสงครามญี่ปุ่น จนกระทั่งสงครามเลิกแล้ว ปัญหาชีวิตและสังคมก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น อันเนื่องมาจากผลพวกของสงคราม ผู้เขียน "สายลม-แสงแดด" ก็ได้เขียนปลุกปลอบใจผู้อ่านของเขาตลอดเรื่อยมา จนถึง พ.ศ. 2496 จึงได้ร้างราไป เมื่อได้มีการรวมพิมพ์เป็นเล่มครั้งแรก ก็ปรากฎว่าเป็นหนังสือขายดีเล่มหนึ่ง ซึ่งต่อมาก็ได้ตีพิมพ์เป็นครั้งที่สอง โดยสำนักพิมพ์ "แพรว" เมื่อ พ.ศ. 2526 การพิมพ์ครั้งนี้โดยสำนักพิมพ์ "ดอกหญ้า" จึงเป็นการพิมพ์ครั้งที่สาม
สำนักพิมพ์ "ดอกหญ้า" ขอขอบคุณนักอ่านที่ได้ต้อนรับงานของเราด้วยดีตลอดมา และหวังว่า "สายลม-แสงแดด" อันเป็นบทประพันธ์สุดรักของ วิลาศ มณีวัต เล่มนี้ คงจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากท่าน ไม่น้อยไปกว่า "ธรรมะสำหรับคนนอกวัด" ของนักเขียนคนเดียวกันนี้
สำนักพิมพ์ดอกหญ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น