สำนักพิมพ์ | : | คราฟแมนเพรส |
ผู้แต่ง | : | เฉก ธนะสิริ |
ประเภทหนังสือ | : | ศาสนา ปรัชญา |
จำนวนหน้า | : | 121 หน้า |
ราคาขาย | : | 120 บาท |
บทนำบางส่วน
ชีวิตมนุษย์นี้เปรียบได้กับรถยนต์ เครื่องยนต์ก็คือ สรีระร่างกาย กลไกของเครื่องยนต์จะต้องมีระบบน้ำมัน เปรียบได้กับระบบไหลเวียนเลือดและน้ำเหลือง ต้องมีระบบระบายความร้อนและท่อไอเสีย ก็คือ ระบบหายใจ และระบบขับถ่ายต้องมีหม้อกรองอากาศและน้ำมันเครื่อง นั่นก็คือ ต้องมีปอด ตับ ไต กรองของเสียต่างๆ ที่ผ่านเข้าร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือยาที่กินเข้าไป หรืออากาศที่หายใจเข้าไป ส่วนแบตเตอรี่ที่รถยนต์ต้องมีระบบไฟฟ้า เปรียบได้กับระบบปราสาทและสมองของมนุษย์นั่นเอง
รถยนต์จะมีอายุการใช้งานได้นานมากเท่าใด การขับขี่จะเป็นไปอย่างราบเรียบปลอดภัยโดยไม่ไปชนกับใคร และระวังไม่ให้ใครมาชนนี้ขึ้นอยู่กับ "สติ" ของคนขับ
ฉะนั้น ถ้าถนนเป็นหลุมเป็นบ่อและสภาพอากาศมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมแปรปรวน การจะขับเคลื่อนรถไปสู่เป้าหมายและให้รถอยู่ในสภาพที่ดี สามารถจะมีอายุการใช้งานไปได้นานแสนนาน จึงขึ้นอยู่กับเจ้าของรถคันนั้น คือ คนขับจะต้องเป็นผู้มีสติอยู่แนบกับตัวตลอดเวลา สตินั้นต้องอาศัยสมาธิ
ร่างกายของเราต้องการอาหารที่เข้าทางปาก ซึ่งมนุษย์จำเป็นต้องกินอาหารเพื่อความเจริญเติบโตและความแข็งแรงของร่างกาย ความรู้สมัยใหม่ยังมีความละเอียดขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งว่า ถ้าเรารู้จักกินอาหารทางจมูกอย่างดียิ่งขึ้นไปกว่าการหายใจธรรมดาๆ แต่ให้หายใจอย่างแรงลึก คือ การออกำลังอย่างแอร์โรบิก (aerobic exercise) คือ ทำหัวใจให้เหนื่อยขึ้นกว่าปกติเพียง 25-30 นาทีต่อครั้ง ทำประมาณ 4-5 ครั้งต่อสัปดาห์ ก็จะสามารถสร้างพลังแอร์โรบิกให้แก่ชีวิต จะทำให้หัวใจและหลอดเลือดแข็งแรง ความรู้เก่าดั้งเดิมสมัยพุทธกาลเกือบ 2,600 ปีมาแล้ว ที่พุทธองค์สอนให้รู้จักบริหารจิตด้วย สมาธิวิปัสสนากรรมฐาม คือ กำหนดลมหายใจเข้าออกช้าๆ (อานาปานสติและสติปัฎฐาน 4) เท่ากับเป็นการให้อาหารแก่จิต เป็นการสร้างสติ และตรงกับคำพังเพยที่ว่า "จิตนิ่ง เป็นจิตที่มีพลัง" ดังนั้น หนังสือเล่มนี้จึงเกิดขึ้น โดยใช้ชื่อว่า "สมาธิกับคุณภาพชีวิต
ประเทศไทยมีพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติก็จริง แต่ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจในหลักธรรมะของพุทธศาสนา นักเรียนทุกคนได้รับการสอนให้สวดมนต์ ให้ท่องจำศีล 5 และความหมายของคำต่างๆ ในพุทธศาสนา แต่นักเรียนไม่ได้รับอธิบายถึงแก่นแท้และความหมายของพุทธบาลีและบทสวดมาต์นั้นๆ และนักเรียนไม่ได้รับการสอนให้ประยุกต์คำสอนทางพุทธศาสนาไปใช้กับชีวิตของตัวเอง จึงหมดหนทางจะเข้าใจเนื้อแท้ของพุทธศาสนา ความผิดไม่ได้อยู่ที่นักเรียนหรือครู แต่อยู่ที่ผู้มีหน้าที่กำหนดหลักสูตรและแนวทางการสอนให้นักเรียนเข้าใจ ครั้นเมื่อนักเรียนพ้นจากภาวะนักเรียนไปแล้ว จึงปรากฎว่านักเรียนเหล่านั้นไม่มีความเข้าใจในหลักการของธรรมะทางพุทธศาสนาแม้แต่น้อย เป็นที่น่าเสียดายเวลาที่ผ่านไป และงบประมาณที่ใช้อย่างไม่ได้ผลเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งในสภาพเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบันนี้ด้วยแล้ว อาทิเช่น ลูกห่างพ่อแม่ นักเรียนห่างครู พระห่างธรรมะ (เพราะวัตถุนิยมและพุทธพาณิชย์เข้ามามีบทบางอย่างรุนแรงในพุทธศาสนา) ประชาชนห่างวัด และนอกจากนั้นยังมีสำนักต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ชวนให้ออกนอกลู่นอกทาง เต็มไปด้วยความงมงายหลงเชื่อด้วยการหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ อย่างหาเหตุผลไม่ได้เลย
ดังนั้น การเรียบเรียงหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนจึงนำเอาแนวคำสั่งสอนทางพุทธศาสนาเป็นหลักใหญ่มาประกอบการเขียน เพราะได้พิจารณาแล้วเห็นว่า คำสอนตามแนวของพุทธศาสนานี้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งในทางโลกและทางธรรม ในการที่จะดำรงชีวิตให้มีคุณภาพที่ดีตามควรแก่ฐานานุรูป จึงเห็นว่าน่าที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลายจะได้สนใจ และถ้าได้ทดลองปฎิบัติก็จะเกิดประโยชน์ต่อตนเองและครอบครัวอย่างแน่นอน
ในการเรียบเรียงหนังสือเล่มนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความหมายและคำอธิบายที่ลึกซึ้งเกินกว่าปัญญาของผู้เขียนจะไปถึงนี้ ได้รับความรู้ ความเข้าใจ และความละเอียดจากเอกสารประกอบต่างๆ ของท่านอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน แห่งวัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี และคุณแม่สิริ กรินชัย พร้อมด้วยท่านผู้เรียบเรียงหนังสือต่างๆ ที่อ้างไว้ท้ายเล่มทุกท่าน
หนังสือสภาพดี ตัวเล่มสมบูรณ์ ด้านในกระดาษขาวสะอาด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น